
🌼
เก๊กฮวย – พืชเศรษฐกิจสีทองของฤดูหนาว
เดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากฤดูฝนสู่ฤดูหนาว
พื้นดินยังคงความชุ่มชื้นจากฝนที่เพิ่งผ่านไป และอากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ นี่คือฤดูกาลที่
“ดอกเก๊กฮวย (Chrysanthemum indicum)” จะเริ่มเบ่งบานเต็มทุ่ง
โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน นอกจากเป็นจุดเช็กอินของนักท่องเที่ยวแล้ว
ดอกไม้ชนิดนี้ยังเป็น พืชสมุนไพรและพืชเศรษฐกิจ
ที่มีคุณค่าทั้งทางสุขภาพและเศรษฐกิจในฤดูหนาวของไทยอีกด้วย
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
Chrysanthemum
indicum L.
ชื่อสามัญ :
Indian
Chrysanthemum, Wild Chrysanthemum
วงศ์ :
ASTERACEAE
(ตระกูลเดียวกับดาวเรืองและทานตะวัน)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
-
เป็นไม้ล้มลุก
อายุปีเดียว
-
ลำต้นตั้งตรง สูงประมาณ
50–100 เซนติเมตร
-
ใบหยักเป็นแฉก
สีเขียวอมเทา มีขนอ่อนปกคลุม
-
ดอกออกเป็นช่อกระจุกแน่น
ขนาดเล็ก สีเหลืองสดหรือขาวนวล
-
มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
การออกดอก : ช่วงปลายฝนต้นหนาว
(ตุลาคม–ธันวาคม) โดยเฉพาะเดือนพฤศจิกายนจะเป็นช่วง “พีคที่สุด” ของการบาน
แหล่งปลูกสำคัญในประเทศไทย
-
จังหวัดเชียงใหม่ :
อำเภอสะเมิง, แม่ริม, แม่แตง
-
จังหวัดเชียงราย :
อำเภอแม่จัน, แม่สรวย, ดอยแม่สลอง
-
จังหวัดแม่ฮ่องสอน :
อำเภอปาย,
ขุนยวม
-
พื้นที่อื่น :
ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางแห่งที่มีอากาศเย็น เช่น เพชรบูรณ์ เลย
ลักษณะพื้นที่ที่เหมาะคือ ดินร่วนปนทราย
ระบายน้ำดี อุณหภูมิ 18–25°C และมีแสงแดดเต็มวัน
การปลูกและดูแลรักษา
1. ช่วงปลูก
: กันยายน – ตุลาคม (ช่วงดินชุ่มจากฝนปลายฤดู)
2. ระยะปลูก
: 20
× 25 เซนติเมตร / 1 ไร่ใช้ต้นพันธุ์ประมาณ 50,000 ต้น
3. การให้น้ำ
: ต้องการน้ำสม่ำเสมอ แต่ไม่ชอบน้ำขัง
4. ปุ๋ย
: ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักร่วมกับปุ๋ยสูตรเสมอ
5. การดูแล
-
ถอนวัชพืชรอบโคนต้น
-
เด็ดดอกโรยเพื่อกระตุ้นการออกดอกใหม่
-
ป้องกันโรคราแป้งและเพลี้ยไฟด้วยสารชีวภาพ
6. ระยะเวลาเก็บเกี่ยว
: ประมาณ 70–80 วันหลังปลูก
7. วิธีเก็บ
: ตัดช่อดอกเมื่อบาน 70–80% แล้วนำไปอบแห้งภายใน 24 ชั่วโมง
เพื่อรักษาสีและกลิ่นหอม
ประโยชน์และสรรพคุณของดอกเก๊กฮวย
ด้านสมุนไพร
1. ช่วยดับร้อน
ถอนพิษ และลดอาการไข้
2. บำรุงสายตา
แก้อาการตาแห้งหรือระคายเคือง
3. ลดความดันโลหิตและช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น
4. ขับลม
แก้อาการแน่นท้อง อาหารไม่ย่อย
5. มีสารต้านอนุมูลอิสระ
เช่น ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) และลูทีน (Lutein)
ด้านอาหารและเครื่องดื่ม
1. นิยมแปรรูปเป็น
ชาเก๊กฮวยแห้ง หรือเครื่องดื่มเก๊กฮวยสำเร็จรูป
2. ดอกสดสามารถนำมาต้มร่วมกับสมุนไพรอื่น
เช่น ดอกคำฝอย ใบหม่อน เพื่อเสริมสรรพคุณ
3. ใช้แต่งกลิ่นในขนมอบ
และเป็นส่วนประกอบในอาหารสุขภาพ
มูลค่าทางเศรษฐกิจ
-
พื้นที่ปลูกเก๊กฮวยในภาคเหนือเพิ่มขึ้นทุกปี
เนื่องจากเป็นพืชที่ให้ผลผลิตสูงและตลาดต้องการต่อเนื่อง
-
ราคาขายดอกเก๊กฮวยแห้งเกรดดีอยู่ที่
300–500 บาท/กิโลกรัม
-
สามารถต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูป
เช่น ชาอบแห้ง, เครื่องดื่มเย็น, ชาเก๊กฮวยผสมสมุนไพร, และของฝากท้องถิ่น
-
เป็นพืชที่ช่วยสร้างรายได้เสริมในช่วงฤดูหนาวให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน
ความหมายทางวัฒนธรรม
-
ในวัฒนธรรมจีน
“ดอกเก๊กฮวย” เป็นสัญลักษณ์ของ ความยั่งยืนและอายุยืนยาว
-
มักใช้ในพิธีมงคล เช่น
วันผู้สูงอายุ หรือเทศกาลไหว้พระจันทร์
-
ในญี่ปุ่น ดอกเบญจมาศ
(ตระกูลเดียวกับเก๊กฮวย) ยังเป็น “ดอกไม้ประจำราชวงศ์”
สื่อถึงความสง่างามและความมั่นคง
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ
1. การปลูกเก๊กฮวยในพื้นที่สูงช่วย
ป้องกันการพังทลายของดิน
2. ดอกเก๊กฮวยเป็น
แหล่งอาหารของผึ้งและแมลงผสมเกสร ในฤดูปลายปี
3. หากใช้สารชีวภาพแทนสารเคมี
จะช่วยส่งเสริมระบบเกษตรยั่งยืน
4. สามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร
เช่น “สวนเก๊กฮวยบานปลายฝนต้นหนาว” ที่ได้รับความนิยมในเชียงใหม่และเชียงราย
สรุป
ดอกเก๊กฮวยไม่เพียงเป็น
“พืชสมุนไพรที่ให้ประโยชน์ทางสุขภาพ” แต่ยังเป็น “พืชเศรษฐกิจสีทองของฤดูหนาว”
ที่เชื่อมโยงระหว่างธรรมชาติ เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว เดือนพฤศจิกายนจึงเป็นเดือนที่เก๊กฮวยบานงามที่สุด
— เตือนให้เราระลึกถึงความงามเรียบง่ายของชีวิต
และพลังการฟื้นตัวของธรรมชาติหลังผ่านฤดูฝน
🖤 BEDO มีห้องสมุดออนไลน์ด้วยนะ มีหนังสือน่าสนใจรอให้ทุกคนมาเปิดอ่านอยู่ คลิกลิ้งค์ด้านล่างได้เลย 👇
https://bedolib.bedo.or.th/home
แหล่งที่มา : 👇
https://www.thaiheartfound.org