คุณกำลังอยู่ที่

มกราคม 31, 202425,970 6


ฟักแฟงหรือ "ฟัก" หรือ "แฟง" ชื่อเรียกต่างกัน ลักษณะผลจะต่างกันด้วยไหม ?

ฟักแฟง ชื่อที่หลาย ๆ คนยังสับสน เพราะแต่ละที่ก็มีชื่อเรียกที่ต่างกันออกไป ตัวอย่าง เช่น ฟัก ฟักขาว ฟักเขียว ฟักจีน ฟักหอม ฟักแฟง เป็นต้น มีฟักแล้วก็ยังต้องมีแฟงมาคู่กันอีก จนหลายคนสงสัยว่าตกลงฟักกับแฟงนั้นต่างกันตรงไหน

 “ฟัก มีผลใหญ่ รูปทรงมนๆ รีๆ ลูกอ่อนๆ ผลเล็ก ผิวเขียวนวล มักถูกเรียกว่า แฟง แต่เมื่อแก่ ผิวจะแข็งมีคราบขาวๆ ขึ้น และเนื้อก็จะยิ่งแข็ง จึงเรียกว่า ฟักหรือ ฟักเขียว ดังนั้น ฟัก กับ แฟง ก็คือพืชผลตัวเดียวกันนั่นเอง เพียงแต่มีอายุต่างกัน ฟัก คือผลแก่ แฟง คือผลอ่อน ฟักแก่ นิยมเอาไปตุ๋นต้มทำแกงหรือซุป และความที่มีขนาดผลที่ใหญ่มาก คนขายบางคนจึงมักตัดแบ่งขายตามน้ำหนักที่คนซื้อต้องการ ส่วนชื่อเรียกนั้นจริง ๆ ก็มีอีกมากมายต่างไปตามท้องถิ่น  นอกจากนี้ยังมีฟักอีกชนิดที่ต่างจากฟักทั่วไป เพราะมีผลค่อนข้างกลม ผิวสีเขียวแก่ ๆ เรียกว่า "ฟักหอม"

ฟักที่นิยมนำมาประกอบอาหาร คือ ฟักเขียว ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาวหรือหวาน แถมยังกินได้ทั้งแบบดิบและแบบสุก ทั้งผลอ่อนและผลแก่ โดยผลอ่อนจะมีรสชาติที่เข้มกว่าผลแก่ และมีน้ำมากกว่า แต่นอกจากผลฟักที่นำมาทำอาหารได้แล้ว ส่วนอื่น ๆ ของต้นฟักยังกินได้อร่อยไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นยอดอ่อนที่นำมาลวกหรือต้มกับกะทิแล้วกินคู่กับน้ำพริกได้อร่อยมาก ๆ หรือแม้แต่ใบอ่อนและตาดอกฟักเขียว หากนำไปนึ่งหรือใส่แกงจืดก็ช่วยเพิ่มรสชาติได้ และถ้าอยากหาธัญพืชใหม่ ๆ กิน ลองนำเมล็ดฟักที่อุดมไปด้วยน้ำมันและโปรตีน มาทำให้สุกก่อนกินก็จะช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายและอาการแน่นหน้าอก

เมนูยอดนิยม

-          แกงเขียวหวานไก่ฟักเขียว

-          แกงจืดฟักต้มกับไก่

-          แกงเลียง

-          ฟักเขียวผัดกับหมูใส่ไข่

-          ฟักเชื่อม

-          ยอดอ่อนที่นำมาลวก หรือต้มกะทิ กินกับน้ำพริก


ตำรายาจีนโบราณกาลระบุว่า สำหรับผู้ที่อยากให้ร่างกายผอมแต่แข็งแรงให้กินเป็นประจำ ถ้าอยากอ้วนก็อย่ากิน


ฟักเขียว

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Benincasa hispida (Thunb.) Cogn.

วงศ์ : CUCURBITACEAE

ชื่อท้องถิ่น : มะฟักหอม (แม่ฮ่องสอน), ฟักขี้หมู ฟักจิง มะฟักขม มะฟักหม่น มะฟักหม่นขม (ภาคเหนือ), บักฟัก (ภาคอีสาน), ฟัก ฟักขาว ฟักเขียว ฟักเหลือง ฟักจีน แฟง ฟักแฟง ฟักหอม ฟักขม (ภาคกลาง), ขี้พร้า (ภาคใต้), ตังกวย (จีน), ดีหมือ ลุ่เค้ส่า (ชาวกะเหรี่ยง), หลู่ซะ (กะเหรี่ยงเชียงใหม่), หลู่สะ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน), หลึกเส่ (กะเกรี่ยงแดง), สบแมง (เมี่ยน), ฟักหม่น ผักข้าว (คนเมืองล้านนา)


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ฟักเขียวเป็นพืชอายุสั้น มีลำต้นสีเขียวมีขนขึ้นปกคลุมอยู่ทั่วลำต้น แตกกิ่งก้านสาขามากมาย ใบมีลักษณะเป็นหยักคล้ายฝ่ามือขอบใบแยกออกเป็น 5–7 แฉก ปลายแฉกแหลมใบหยาบเรียงสลับกันตามข้อต้น ใบกว้างประมาณ 5–15 เซนติเมตร มีขนปกคลุม ก้านใบยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ดอก เป็นดอกเดี่ยว (Solitary Flower) สีเหลือง ดอกเพศผู้มีลักษณะเป็นหลอดยาว 5–10 เซนติเมตร ปลายดอกแยกออกเป็น 5 กลีบ มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ ส่วนดอกเพศเมียก้านดอกจะสั้นกว่าดอกเพศผู้ ปลายดอกแยกออกเป็น 3 แฉก มีรังไข่อยู่ภายในดอก ผลมีลักษณะเป็นรูปกลมยาวกว้างประมาณ 20–30 เซนติเมตร ยาว 30–60 เซนติเมตร เปลือกแข็งสีเขียวเนื้อในสีขาว เนื้อแน่น ฉ่ำน้ำ มีเมล็ดอยู่ภายในจำนวนมากสีขาวออกเหลือง


สรรพคุณ

ใบ : แก้ฟกช้ำ แก้พิษผึ้งต่อย ช่วยรักษาบาดแผล แก้โรคบิด แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้บวมอักเสบมีหนอง

ผล : ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ แก้ไอ แก้ธาตุพิการ แก้โลหิตเป็นพิษ บวมน้ำ หลอดลมอักเสบ

ไส้ฟัก : แก้อาเจียนเป็นโลหิต แก้ฝีที่เต้านม

เมล็ด : ใช้ลดไข้ แก้ริดสีดวงทวาร แก้โรคทางเดินปัสสาวะ แก้ไตอักเสบ บำรุงผิว ละลายเสมหะ ตกขาว

ราก : ต้มดื่มแก้ไข้ แก้กระหายน้ำ ถอนพิษ

เถาสด : รสขมเย็น ใช้รักษาริดสีดวงทวาร มีไข้สูง

เปลือก : เป็นยาแก้บวม ขับปัสสาวะ แก้ท้องเสีย แผลบวมอักเสบ มีหนอง


อ้างอิง

https://www.kcfresh.com

http://blog.arda.or.th

URL อ้างอิง:
6

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากคุณยังคงใช้ไซต์นี้ต่อไปหมายความว่าคุณยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขและนโยบายความเป็นส่วนตัว.

ยอมรับ รายละเอียด
© BEDO eLIBRARY. All Right reserved Powered by Bookdose Co., Ltd. นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ข้อกำหนดและเงื่อนไข