
“พีพวนน้อย ผลไม้ป่า รสเปรี้ยวจี๊ด สรรพคุณเพียบ”
พีพวนน้อย (Uvaria
rufa) เป็นไม้เถาเลื้อยพื้นบ้านของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ผลสุกสีแดงสด รสหวานอมเปรี้ยว กลิ่นหอมคล้ายลิ้นจี่
ไม่เพียงเป็นผลไม้ป่ารับประทานได้ แต่ยังเป็นสมุนไพรพื้นบ้านและวัสดุทำงานฝีมือ
จึงเป็นพืชที่มีคุณค่าทั้งด้านอาหาร สมุนไพร และวัฒนธรรม ควรค่าแก่การอนุรักษ์ให้คงอยู่
ชื่อสามัญ : พีพวนน้อย
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Uvaria
rufa
Blume
วงศ์ : Annonaceae (วงศ์กระดังงา)
ชื่อท้องถิ่น : นมควาย,
นมแมวป่า, ติงตัง, บักผีผ่วน,
พีพวน ฯลฯ
ถิ่นกำเนิด :
ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทย
แหล่งที่พบและการกระจายพันธุ์
-
พบมากในป่าดิบชื้น
ป่าละเมาะ ป่าผลัดใบ
-
ชอบพื้นที่ชื้น
ริมลำธาร
-
พบได้ตั้งแต่พื้นที่ราบจนถึงที่สูง
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น/เถา : เป็นเถาเลื้อยยาว 1.5–4 เมตร
กิ่งมีขนละเอียดสีน้ำตาลแดง
ใบ : ใบเดี่ยวรูปรีหรือรูปไข่ ยาว 6–15
ซม. ใต้ใบมีขนนุ่ม
ดอก : ดอกเดี่ยวหรือช่อเล็ก 2–3 ดอก
สีแดงสด 6 กลีบ กลิ่นหอมอ่อน
ผล : ผลย่อย 4–20 ผลต่อพวง ผิวมีขน
เนื้อในสีขาว รสหวานอมเปรี้ยว
เมล็ด : ในผลหนึ่งมีเมล็ด 14–18 เมล็ด
ฤดูกาลออกดอกและผล
-
ช่วงที่ออกดอก
- มีนาคม ถึง มิถุนายน
-
ช่วงที่ออกผล
- มิถุนายน ถึง ตุลาคม
สรรณคุณ
ด้านอาหาร
· ผลสุกกินสดได้
รสหวานอมเปรี้ยว
· นิยมจิ้มพริกเกลือหรือน้ำปลาหวาน
· สามารถแปรรูปเป็นน้ำผลไม้หรือผลไม้อบแห้ง
ด้านสมุนไพรพื้นบ้าน
(ใช้ตามภูมิปัญญา)
· ราก/แก่น
: ต้มแก้ไข้ ถอนพิษ บำรุงน้ำนม
· ผล
: ใช้รักษาโรคหืด หรือทาผดผื่นคัน
· เถา
: ใช้รักษาต่อมลูกหมากโต (ในตำรายาบางแห่ง)
ด้านอื่น
ๆ
· เถามีความเหนียว
ใช้สานอุปกรณ์ เช่น ขอบอู่ เครื่องใช้ในบ้าน
· ดอกสีสวย
ปลูกเป็นไม้เลื้อยประดับได้
จุดเด่นและความสำคัญ
1. เป็นผลไม้ป่าหายาก
มีคุณค่าทางวัฒนธรรม
2. มีสรรพคุณสมุนไพรหลากหลาย
3. เป็นส่วนหนึ่งของความหลากหลายทางชีวภาพในป่าไทย
ข้อควรระวัง
1. สรรพคุณสมุนไพรเป็นข้อมูลจากตำรายาพื้นบ้าน
ยังขาดการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์
2. ไม่ควรใช้มากเกินไป
ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้
3. ควรเก็บเกี่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อไม่ให้สูญพันธุ์
แหล่งที่มา : Li, B. and M.G. Gilbert. (2011). Annonaceae (Uvaria). In Flora of China Vol. 19: 676.